สารบัญเนตติ ห้วเรื่อง, เลขข้อ | เนตติไฟล์เดียว html, text

เนตติปกรณ์แปล ข้อ 098 (+สาสนปัฏฐาน)

       [98] สูตรใดที่ท่านกล่าวว่า"ก็ข้าพเจ้าได้ถวายไทยธรรม เพียงข้าวฟ่างและข้าวสุกประมาณทะนานหนึ่ง ในพระปัจเจกพุทธะ ผู้มีจิตหลุดพ้นแล้ว ผู้ไม่กระด้าง (ไม่มีตะปูตรึงใจ) ไม่มีอาสวะ ผู้มีปกติอยู่ด้วยธรรมอันไม่มีข้าศึก ผู้มีใจไม่ข้องข้าพเจ้าเชื่อมั่น ซึ่งปัจเจกธรรมอันสูงสุดในพระปัจเจกพุทธะนั้น ข้าพเจ้าได้ปรารถนาว่า แม้ข้าพเจ้า ก็พึงกระทำให้แจ้งซึ่งธรรมอันพระปัจเจกพุทธะได้แล้ว เมื่อข้าพเจ้า ผู้อันพระปัจเจกพุทธะผู้มีปกติอยู่ด้วยวิหารธรรมอย่างนี้สงเคราะห์แล้ว ข้าพเจ้าอย่าได้มีความอาลัยแม้ในกาลไหน ๆ ด้วยเพราะวิบากกรรมที่กระทำแล้วในพระปัจเจกพุทธะนั้นนั่นแหละ ข้าพเจ้าเข้าถึงอุตตรกุรุทวีปสิ้น 1,000 ครั้ง ข้าพเจ้าเข้าถึงกายอันประเสริฐที่สุดในหมู่บริวารทั้งหลาย ผู้ลูบไล้ประดับด้วยมาลาและอาภรณ์อันวิจิตร เพราะวิบากแห่งกรรมนั้นแหละ ข้าพเจ้ามีจิตหลุดพ้นแล้ว ไม่กระด้าง ไม่มีอาสวะ เป็นผู้มีร่างกายอันทรงไว้ในที่สุด เพราะก้าวล่วงกุศลและอกุศลแล้ว สมาคมของข้าพเจ้าได้มีแล้วแก่พระปัจเจกพุทธะทั้งหลายเหล่านี้ฉะนี้ พระตถาคตชินเจ้า ทรงกระทำให้ประจักษ์แล้ว ได้ตรัสคำว่า "สิ่งใดอันผู้มีศีลปรารถนาแล้ว สิ่งนั้นย่อมสำเร็จ" ดังนี้ ข้าพเจ้า คิดด้วยใจโดยประการใด ๆ ความสำเร็จโดยประการนั้นย่อมมี ภพนี้เป็นภพมีในที่สุดของข้าพเจ้า" ดังนี้สูตรนี้ ชื่อว่า วาสนาภาคิยสูตร
       พระสูตรใดที่กล่าวไว้ว่า"ในกัปที่ 31 พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่าสิขี เป็นพระชินเจ้า ผู้ไม่มีกิเลสเป็นเหตุให้หวั่นไหว ผู้มีปกติเห็น (ทรงทราบ) หาที่สุดมิได้ พระราชาผู้เป็นพระภาดาของพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้นั้น ทรงเลื่อมใสยิ่งในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าสิขี และในพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เมื่อพระพุทธเจ้าผู้นำวิเศษของโลกปรินิพพานแล้ว ได้ทรงกระทำพระสถูปใหญ่กว้างขวางประมาณหนึ่งคาวุตโดยรอบ เพื่อพระมเหสีพุทธเจ้า ผู้สูงสุดกว่านระ ผู้เป็นเทพยิ่งกว่าเทพ มนุษย์ผู้มีปกตินำวัตถุมาบูชาพระสถูปนั้น มีใจร่าเริง ประคองดอกมะลิซ้อนบูชา ดอกมะลิดอกหนึ่งของคนนั้นถูกลมพัดตกไปแล้ว ข้าพเจ้าเก็บดอกมะลินั้นนั่นแหละมนุษย์นั้น ผู้มีความสำเร็จด้วยดอกไม้ มีใจเลื่อมใสยิ่ง ได้กล่าวกะข้าพเจ้าว่าเราให้ดอกไม้นั้นแก่ท่านนั่นแหละ ข้าพเจ้าถือเอาดอกไม้ดอกเดียวนั้นตั้งใจมั่นในการกำหนดพระสถูปนั้น ตามระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าบ่อย ๆ ตั้งแต่ 30 กัป จนถึงภัททกัปนี้ ข้าพเจ้า ไม่รู้จักทุคติ และย่อมไม่ไปสู่วินิบาต นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระสถูป" ดังนี้สูตรนี้ ชื่อว่า วาสนาภาคิยสูตร
       พระสูตรใดที่กล่าวว่า"พระนครชื่่อว่ากปิละ ของพระราชาพระนามว่า พรหมทัต เป็นพระนครมีทางใหญ่ ที่เขาจัดไว้ดีแล้ว มีมนุษย์เกลื่อนก่น เป็นพระนครมั่งคั่งรุ่งเรือง ในพระนครอันประเสริฐนั้น ข้าพเจ้า ขายขนมกุมมาสแห่งแคว้นปัญจาละ ข้าพเจ้านั้นได้เห็นพระปัจเจกสัมพุทธะพระนามว่า อริฏฐะผู้มียศ ผู้ยืนอยู่ในเบื้องบน (เวหาส) เป็นผู้ร่าเริงแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสแล้วนิมนต์พระอริฏฐะ ผู้สูงสุดแห่งนระ ด้วยธุวภัตรที่มีอยู่ในเรือนของข้าพเจ้าก็ในกาลนั้น เป็นเดือนกัตติกา ใกล้วันปัณณรสี ข้าพเจ้าถือเอาคู่แห่งผ้าใหม่ น้อมเข้าไปถวายพระปัจเจกพุทธะอริฏฐะ ในกาลนั้น พระมุนีปัจเจกพุทธะ ผู้สูงสุดแห่งนระ ผู้อนุเคราะห์ ผู้กรุณา ผู้ฆ่าตัณหา ทราบว่าข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสแล้วรับเอา ข้าพเจ้านั้น ครั้นกระทำกรรมดีที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญแล้ว จึงท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เคลื่อนจากเทวโลกนั้น เกิดเป็นบุตรคนเดียวของเศรษฐี ในตระกูลมั่งคั่งในพระนครพาราณสี เป็นที่รักใคร่กว่าสัตว์มีปาณะทั้งหลาย ในกาลนั้น ข้าพเจ้าถึงความเป็นผู้รู้เดียงสา (ความผิดความชอบ) ผู้อันเทวบุตรตักเตือน จึงลงจากปราสาทเข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธะพระนามว่า โคดม พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า โคดมนั้น ได้ทรงแสดงแล้วซึ่งธรรมแก่ข้าพเจ้าเพื่ออนุเคราะห์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มุนีนั้น ได้ทรงแสดงสัจจธรรม คือ สัจจ 4 เหล่านี้ คือทุกข์ (ทุกขสัจจะ) ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ (สมุทยสัจจะ) การก้าวล่วงซึ่งทุกข์ (นิโรธสัจจะ) และอริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8 อันเข้าไปสงบทุกข์(มัคคสัจจะ) ข้าพเจ้าฟังพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล้ว เป็นผู้ยินดีในพระศาสนาอยู่ เป็นผู้ไม่ประมาททั้งกลางวันทั้งกลางคืน แทงตลอดแล้วซึ่งสมถะ อาสวะเหล่าใด ทั้งภายในและภายนอกของข้าพเจ้าในกาลก่อน อาสวะเหล่านั้นทั้งสิ้น อันมรรคตัดขาดแล้ว และจักไม่เกิดขึ้นอีก ทุกข์ย่อมเป็นอันข้าพเจ้ากระทำให้ถึงที่สุดแล้ว อัตภาพนี้มีการท่องเที่ยวไปแห่งความเกิดและความตายได้มีที่สุดแล้ว บัดนี้ ย่อมไม่มีภพใหม่
       ต่อไป" ดังนี้
       สูตรนี้ ชื่อว่า วาสนาภาคิยสูตร
[สารบัญ] | หน้าค้นหา
(ไม่สงวนลิขสิทธิ์)