สารบัญเนตติ ห้วเรื่อง, เลขข้อ | เนตติไฟล์เดียว html, text

เนตติปกรณ์แปล ข้อ 109 (+สาสนปัฏฐาน)

       [109] ในพระสูตร 16 นั้น สูตรว่า"สังกิเลสภาคิยะ นิพเพทภาคิยะและอเสกขภาคิยะ เป็นไฉน"
       ในโลกสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานว่า "โลก (คือหมู่สัตว์) นี้ มีความเร่าร้อนเกิดขึ้นแล้ว ผู้อันทุกขสัมผัสครอบงำแล้ว ร้องไห้อยู่ ย่อมบ่นเพ้อ โดยความเป็นตัวตน เพราะสัตว์ทั้งหลาย ย่อมสำคัญซึ่งการกระทำแห่งทุกข์ของตนโดยประการใด ๆ ทุกข์นั้นอันบุคคลพึงเยียวยาโดยประการอื่น สัตวโลกนี้ ข้องแล้วในภพ อันมีความแปรปรวนเป็นอย่างอื่่นเป็นผู้เดือดร้อนในภพแล้ว ก็ยินดีเพลิดเพลินนั่นแหละ สัตวโลก ย่อมยินดีเพลิดเพลินสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นภัย สัตวโลก ย่อมกลัวสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นทุกข์"ดังนี้ ข้อนี้ เป็นสังกิเลส ฯ และคำว่า "พรหมจรรย์นี้ เราประพฤติเพื่อการละภพ" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นนิพเพธะ ฯ
       "ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง กล่าวการหลุดพ้นจากภพด้วยภพ (หลุดจากกามภพด้วยรูปภพเป็นต้น) เรากล่าว สมณพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดว่า เป็นผู้ไม่หลุดพ้นจากภพ ก็หรือว่าสมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง กล่าวการสลัดออกจากภพด้วยความไม่มี (วิภวะ) เรากล่าวว่าสมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมดว่า เป็นผู้ไม่สลัดออกไปจากภพเพราะทุกข์นี้อาศัยอุปธิมีขันธ์เป็นต้นจึงเกิดขึ้น" ดังนี้ ข้อนี้เป็น สังกิเลส ฯ
       และคำว่า "เพราะความสิ้นไปแห่งอุปาทานทั้งปวง ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ย่อมไม่มี" ดังนี้ข้อนี้ ชื่่อว่า นิพเพธะ ฯ
       "เธอจงดูโลก (จิต) นี้ สัตว์ทั้งหลายมากอันอวิชชาครอบงำแล้ว หรือยินดีแล้ว ซึ่งขันธปัญจกะที่เกิดแล้ว เป็นผู้ไม่พ้นจากภพ ก็ภพเหล่าใดเหล่าหนึ่งในที่ทั้งปวง (คือเบื้องบน เบื้องต่ำ และเบื้องขวาง) โดยสภาพทั้งปวง (คือ อบาย 4 และสุคติ เป็นต้น) ภพทั้งหมดนั้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นสังกิเลส ฯ
       "เมื่อภิกษุเห็นขันธปัญจกะ กล่าวคือภพ ตามความเป็นจริง ด้วยปัญญาอันชอบอย่างนี้อยู่ ย่อมละภวตัณหาได้ ทั้งไม่ยินดีในวิภวตัณหาเพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา โดยประการทั้งปวง นิพพานจึงมี เพราะความดับด้วยอริยมรรคอันสำรอกโดยไม่เหลือ" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นนิพเพธะ ฯ
       เพราะความไม่เกิดแห่งภิกษุผู้มีตัณหาอันดับแล้วนั้น ภพใหม่จึงไม่มีภิกษุนั้นเป็นผู้ครอบงำมาร เป็นผู้ชนะสงครามแล้ว ก้าวล่วงภพทั้งปวงเป็นผู้คงที่" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นอเสกขะ ฯ สูตรนี้ชื่อว่า สังกิเลสภาคิยะนิพเพธภาคิยะและอเสกขภาคิยะ ฉะนี้ ฯ
       ในอนุโสตสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า"ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้ มีอยู่ บุคคล 4 จำพวกเป็นไฉน บุคคลผู้ไปตามกระแส 1 บุคคลผู้ไปทวนกระแส 1 บุคคลผู้มีตน (จิต)ตั้งมั่นแล้ว 1 และบุคคลผู้เป็นพราหมณ์ ข้ามฝั่งแล้วยืนอยู่บนบก 1 ฯ ในบุคคล 4 นั้น บุคคลใด ไปตามกระแส (เสพกามและทำบาปกรรม) บุคคลนี้(เป็นอันธปุถุชน) ชื่อว่า เป็นผู้มีส่วนแห่งสังกิเลส ฯ ในบุคคล 4 นั้น บุคคลใด ไปทวนกระแส (กัลยาณปุถุชน) และบุคคลใด มีตนตั้งมั่นแล้ว (พระเสกขะ) บุคคลทั้ง 2 นี้ เป็นผู้มีส่วนแห่งปัญญาเครื่องแทงตลอด ฯ ในบุคคล 4 นั้น บุคคลใด เป็นพราหมณ์ข้ามฝั่งยืนอยู่บนบก บุคคลนี้เป็นพระอเสกขะ ฯ สูตรนี้ ชื่อว่า สังกิเลสภาคิยะ นิพเพธภาคิยะและอเสกขภาคิยะ ฉะนี้แล ฯ"
[สารบัญ] | หน้าค้นหา
(ไม่สงวนลิขสิทธิ์)