นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สารบัญ: ห้วเรื่อง, เลขข้อ | ไฟล์เดียว: html, text | [ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>

เนตติปกรณ์แปล : 13. โสธนหารวิภังค์

       [45] บรรดาหาระ 16 นั้น หาระ คือ โสธนะ เป็นไฉน
       คาถาว่า "วิสชฺชิตมฺหิ ปเญฺห" เป็นต้น เป็นโสธนหาระ ฯ
       ท่านอชิตะ ย่อมทูลถามปัญหากะพระผู้มีพระภาคเจ้า ในปารายนวรรคโดยประการใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวิสัชนาแล้ว โดยประการนั้น ฯ นี้พึงทราบว่า โสธนหาระ ฯ เนื้อความแห่งคาถา อันท่านอชิตะทูลถามว่า"โลก คือ หมู่สัตว์อันอะไรหุ้มห่อไว้ โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร พระองค์ตรัสอะไร ว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ อะไรเป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น" ดังนี้ ฯ
       พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า"ดูกร อชิตะ โลกอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะความสงสัย เรากล่าวตัณหาว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้ ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น" ดังนี้ ฯ
       ในปัญหาที่ทูลถามว่า"โลก คือหมู่สัตว์อันอะไรหุ้มห่อไว้"พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำระบทด้วยพระดำรัสว่า"โลก อันอวิชชาหุ้มห่อไว้" แต่มิได้ทรงชำระบทริเริ่ม (เพราะยังไม่สิ้นสุดเนื้อความที่ต้องการเพื่อจะรู้) ฯ ในปัญหาว่า "โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะอะไร"พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำระบทว่า"โลกไม่แจ่มแจ้งเพราะความสงสัย เพราะความประมาท" แต่มิได้ทรงชำระบทริเริ่ม ฯ ในปัญหาว่า"พระองค์ตรัสอะไรว่าเป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชำระบทว่า "เรากล่าวตัณหาว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลกไว้" แต่มิได้ทรงชำระบทริเริ่ม ฯ ในปัญหาว่า"อะไร เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มบทอันหมดจดแล้วด้วยพระดำรัสว่า"ทุกข์ เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น" ดังนี้ เพราะเนื้อความที่ท่านอชิตะต้องการเพื่อจะรู้นั้นเป็นบทที่ให้เข้าใจ ฯ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า"โลก อันอวิชชาหุ้มห่อไว้" เป็นต้น ฯ
       ท่านอชิตะทูลถามว่า"กระแสทั้งหลายย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสทั้งหลายอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยอะไร" ดังนี้ ฯ
       พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า"ดูกร อชิตะ สติเป็นเครื่องกั้นกระแสในโลก เรากล่าวสติว่าเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยปัญญา" ดังนี้ ฯ ในปัญหาที่ทูลถามว่า"กระแสทั้งหลาย ย่อมไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง อะไรเป็นเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย" ฯ พระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมทรงชำระบทว่า"สติ เป็นเครื่องกั้นกระแสเหล่านั้น" แต่มิใช่ทรงชำระบทริเริ่ม ฯ ในปัญหาว่า "ขอพระองค์จงตรัสบอกเครื่องกั้นกระแสทั้งหลาย กระแสเหล่านั้นอันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยอะไร" พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มบทอันหมดจดแล้ว ด้วยพระดำรัสว่า"กระแสเหล่านั้น อันบัณฑิตย่อมปิดได้ด้วยปัญญา" ดังนี้ ฯ เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า"ยานิ โสตานิ โลกสฺมิํ" เป็นต้น ฯ
       ในปัญหาของท่านอชิตะว่า"ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญา สติ และนามรูป ธรรมทั้งหมดนี้ย่อมดับไป ณ ที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว ขอจงตรัสบอกปัญหาข้อนี้แก่ข้าพระองค์เถิด" ดังนี้ ฯ
       พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มบทอันบริสุทธิ์ว่า"ดูกร อชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านถามแล้ว นามและรูปย่อม ดับไปไม่มีส่วนเหลือ ณ ที่ใด สติและปัญญานี้ ย่อมดับไป ณ ที่นั้น เพราะความดับแห่งวิญญาณ" ดังนี้ ฯ
       เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า"ดูกร อชิตะ เราจะบอกปัญหาที่ท่านถามแล้ว" เป็นต้น ฯ ในปัญหาใด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเริ่มบทอันบริสุทธิ์แล้วด้วยอาการอย่างนี้ปัญหานั้น ย่อมเป็นอันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวิสัชนาแล้ว ฯ แต่ในปัญหาใด พระองค์ทรงเริ่มบทอัน (ยัง) ไม่บริสุทธิ์ ปัญหานั้นย่อมไม่เป็นอันวิสัชนาก่อน ฯ ด้วยเหตุนั้น ท่านพระมหากัจจายนะ จึงกล่าวว่า"ในปัญหา อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวิสัชนาแล้ว" ดังนี้ ฯ
       จบ โสธนหารวิภังค์
       14. อธิฏฐานหารวิภังค์
[ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>