นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สารบัญ: ห้วเรื่อง, เลขข้อ | ไฟล์เดียว: html, text | [ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>

เนตติปกรณ์แปล : 2. วิจยหารสัมปาตะ

       [56] ในการอบรมสมถะวิปัสสนานั้น พระศาสดาใดย่อมแสดง พระศาสดานั้นประกอบด้วยกำลัง 10 ย่อมยังสาวกทั้งหลาย ไม่ให้ขัดแย้งกันด้วยโอวาทพระศาสดานั้นย่อมทรงแสดงพระโอวาทนั้น โดยอาการ 3 อย่างว่า พวกเธอจงทำสิ่งนี้ (คือ จงเข้าถึงสรณคมน์มีศีลเป็นต้นนี้อยู่เถิด) พวกเธอจงทำโดยอุบายนี้(คือ จงชำระสรณคมน์มีศีลเป็นต้นให้บริสุทธิ์โดยวิธีนี้) ธรรมนี้ อันพวกเธอกระทำอยู่ จักมีประโยชน์เกื้อกูล และความสุขแก่พวกเธอ พระสาวกนั้น อันพระศาสดากล่าวสอนแล้ว พร่ำสอนแล้วโดยประการนั้น ก็กระทำอยู่โดยประการนั้น ปฏิบัติอยู่โดยประการนั้น ย่อมไม่บรรลุภูมิ (คือ ทัสสนภูมิและภาวนาภูมิ)นั้น นี้มิใช่ฐานะที่มีได้ (คือ เหตุนี้ไม่มีอยู่ประการที่หนึ่ง) พระสาวกนั้น อันพระศาสดากล่าวสอนแล้วโดยประการนั้น พร่ำสอนแล้วโดยประการนั้น จักไม่ยังศีลขันธ์ให้บริบูรณ์ จักไม่บรรลุซึ่งภูมินั้น นี้มิใช่ฐานะที่มีได้ (ประการที่ 2)พระสาวกนั้น อันพระศาสดาโอวาทแล้วอย่างนั้น พร่ำสอนแล้วอย่างนั้นจักยังศีลขันธ์ให้บริบูรณ์ จักบรรลุซึ่งภูมิ (ทัสสนภูมิหรือภาวนาภูมิ) นั้น ดังนี้นี้เป็นฐานะที่มีอยู่ (ประการที่ 3) ฯ
       ฐานะนี้ว่า "เมื่อท่านปฏิญาณตนว่า เป็นสัมมาสัมพุทธะ ธรรมเหล่านี้ท่านก็มิได้ตรัสรู้แล้ว" ดังนี้ ย่อมไม่มี ฐานะนี้ว่า "ท่านปฏิญาณตนว่า มีอาสวะทั้งปวงสิ้นแล้ว ก็อาสวะทั้งหลายเหล่านี้ของท่านยังไม่สิ้นไป" ดังนี้ ย่อมไม่มี ฯ
       ฐานะนี้ว่า "ท่านแสดงธรรม เพื่อประโยชน์แก่ธรรมใด ธรรมนั้นย่อมไม่นำไปเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่บุคคลผู้ปฏิบัตินั้น" ดังนี้ ย่อมไม่มี ฯ ฐานะนี้ว่า"สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติตามธรรม สาวกนั้น จักไม่กระทำให้แจ้งซึ่งวิเสสาธิคมอันโอฬารอื่นอีกโดยลำดับ" ดังนี้ ย่อมไม่มี ฯ
       ฐานะนี้ว่า "ก็ธรรมเหล่าใดแล เป็นธรรมกระทำอันตราย ธรรมเหล่านั้นไม่สมควรเพื่อทำอันตรายแก่ผู้เสพอยู่" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ก็ธรรมเหล่าใด ไม่เป็นธรรมนำออก ธรรมเหล่านั้น ย่อมนำออก เพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่บุคคลผู้ปฏิบัตินั้น" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ก็ธรรมเหล่าใด เป็นธรรมนำออก ธรรมเหล่านั้น ย่อมนำออกเพื่อความสิ้นทุกข์โดยชอบแก่ผู้ปฏิบัตินั้น" ดังนี้ เป็นฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ก็แล สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ถึงสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ (นิพพานที่มีขันธ์เหลือ) จักไม่ถึงอนุปาทิเสสนิพพานธาตุนิพพานที่ไม่มีขันธ์เหลือ" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ
       ฐานะนี้ว่า "พระอริยบุคคล ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยมัคคทิฏฐิ พึงปลงซึ่งมารดาจากชีิวิต หรือพึงทำการฆ่าด้วยมือ หรือด้วยเท้า" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ
       ฐานะนี้ว่า "ปุถุชนพึงปลงซึ่งมารดาจากชีวิต หรือ พึงทำการฆ่าด้วยมือหรือเท้า"ดังนี้ เป็นฐานะที่มีได้ ฯ พระอริยบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ พึงปลงซึ่งบิดาจากชีวิต ฯลฯ พึงปลงซึ่งพระอรหันต์จากชีวิต ก็มีโดยนัยที่กล่าวแล้ว ฯ
       "พระอริยบุคคล ผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ พึงทำลายสงฆ์ ผู้มีสังวาสเสมอกัน ผู้อยู่ในสีมาเดียวกัน (ด้วยเหตุ 5 คือ ด้วยกรรม อุทเทส โวหาร อนุสาวนาการจับสลาก) หรือว่า พึงยังสงฆ์ให้ร้าวรานกัน" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ
       ฐานะนี้ว่า "บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ มีจิตประทุษร้ายพระตถาคต พึงยังโลหิตให้ห้อขึ้น หรือมีจิตประทุษร้าย พึงทำลายสถูปของพระตถาคตผู้ปรินิพพานแล้ว" ดังนี้ ก็มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ปุถุชนผู้มีจิตประทุษร้ายพระตถาคตพึงยังโลหิตให้ห้อขึ้น หรือมีจิตประทุษร้ายถึงทำลายสถูปของพระตถาคตผู้ปรินิพพานแล้ว" ดังนี้ เป็นฐานะที่มีได้ ฯ
       ฐานะนี้ว่า "บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ พึงอ้างศาสดาอื่น แม้เพราะเหตุแห่งชีวิต" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ปุถุชน พึงอ้างศาสดาอื่น" ดังนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ พึงแสวงหาบุคคลผู้ควรซึ่งทักษิณาอื่นจากพระศาสนานี้" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า"ปุถุชน พึงแสวงหาบุคคลอื่นจากพระศาสนานี้" ดังนี้ เป็นฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยมัคคทิฏฐิ พึงเชื่อถือซึ่งความบริสุทธิ์ของตน ด้วยทิฏฐสุตมุตมงคลกล่าวคือการตื่นข่าว" ดังนี้ มิใช่ฐานะที่มีได้ ฯ ฐานะนี้ว่า "ปุถุชนพึงเชื่อถือซึ่งความบริสุทธิ์ของตน ด้วยทิฏฐสุตมุตมงคลกล่าวคือการตื่นข่าว" ดังนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ
[ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>