นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะสารบัญ: ห้วเรื่อง, เลขข้อ | ไฟล์เดียว: html, text | [ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป> เนตติปกรณ์แปล : ญาณและเญยยะ [114] ในสาสนปัฏฐาน 28 นั้น "ญาณเป็นไฉน" คำว่า "ญาณใด ก้าวขึ้นครอบงำโลกทั้งปวงตั้งอยู่ ญาณนั้นเป็นโลกุตตระ พระผู้มีพระภาคเจ้า บัณฑิตเรียกว่าสัพพัญญูด้วยสัพพัญญุตญาณใด ญาณนั้นไม่เสื่อม ย่อมเป็นไปในการรำพึงเพื่อจะรู้ในกาลทั้งปวง" ข้อนี้ ชื่อว่า ญาณ ฯ คำว่า "ปัญญา อันให้ถึงพระนิพพานนี้แล ประเสริฐที่สุดในโลกด้วยว่า ปัญญานั้นย่อมรู้ชัด ซึ่งความสิ้นไปแห่งชาติและมรณะโดยชอบ"ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า ญาณ ฯ ในสาสนปัฏฐาน 28 นั้น "เญยยะเป็นไฉน"พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า"ดูกรโธตกะ เราจักแสดงธรรมเครื่องระงับกิเลส (นิพพาน) แก่ท่านในธรรมที่เราเห็นแล้ว ที่บุคคลรู้แจ้งแล้ว เป็นผู้มีสติ พึงข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ในโลก"โธตกะกราบทูลว่า"ข้าแต่พระองค์ผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ ข้าพระองค์ ย่อมยินดีอย่างยิ่งซึ่งธรรมเป็นเครื่องระงับอันสูงสุด ที่บุคคลรู้แจ้งแล้ว เป็นผู้มีสติ พึงข้ามตัณหาอันซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ในโลก"พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า"ดูกรโธตกะ เธอจงรู้ธรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งในส่วนเบื้องต่ำ(ทั้งอดีตและอนาคต) ทั้งในเบื้องขวางสถานกลาง (ปัจจุบัน) จงรู้แจ้งสิ่งนั้นว่า เป็นเครื่องข้องอยู่ในโลกนี้แล้ว อย่าได้ทำตัณหา เพื่อภพน้อยและภพใหญ่" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า เญยยะ (เพราะเป็นไปในอารมณ์ที่พึงรู้) ฯ ในโกฏิคามวรรคตรัสว่า"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะการไม่ตรัสรู้ เพราะการไม่แทงตลอดอริยสัจจ์ 4 เราด้วย พวกเธอด้วย จึงแล่นไป ท่องเที่ยวไปยังสังสารวัฏฏ์นี้ตลอดกาลนานอย่างนี้ ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจจ์นี้นั้น อันเราด้วย อันพวกเธอด้วย แทงตลอดแล้ว ตรัสรู้แล้ว ทุกขสมุทยอริยสัจจ์นี้นั้นอันเราด้วย อันพวกเธอด้วย แทงตลอดแล้ว ตรัสรู้แล้ว ทุกขนิโรธอริยสัจจ์อันเราด้วย อันพวกเธอด้วย แทงตลอดแล้ว ตรัสรู้แล้ว ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจจ์ อันเราด้วย อันพวกเธอด้วย แทงตลอดแล้ว ตรัสรู้แล้วตัณหาในภพขาดสูญแล้ว ตัณหาที่จะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มี"ดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว พระสุคตผู้ศาสดาครั้นตรัสเนื้อความนี้แล้ว จึงตรัสคาถาอีกว่า"เพราะการไม่เห็นอริยสัจจ์ 4 ตามความเป็นจริง เราและพวกเธอจึงท่องเที่ยวไปในชาตินั้น ๆ ตลอดกาลนาน อริยสัจจ์ 4 เหล่านี้ เราและพวกเธอเห็นแล้ว ตัณหาที่นำไปสู่ภพ ถอนขึ้นได้แล้ว มูลแห่งทุกข์ตัดขาดแล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มี" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า เญยยะ ฯ ในสาสนปัฏฐาน 28 นั้น "ญาณและเญยยะเป็นไฉน"คำว่า "รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยงวิญญาณไม่เที่ยง" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นเญยยะ (เพราะเป็นไปในรูปธรรมเป็นต้นที่พึงรู้) ฯ พระอริยสาวกนั้น เมื่อรู้อยู่ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเห็นว่า "รูปนี้ไม่เที่ยง"ดังนี้ ย่อมเห็นว่า "เวทนานี้ไม่เที่ยง" ดังนี้ ย่อมเห็นว่า "สัญญานี้ไม่เที่ยง" ดังนี้ย่อมเห็นว่า "สังขารนี้ไม่เที่ยง" ดังนี้ ย่อมเห็นว่า "วิญญาณนี้ไม่เที่ยง" ดังนี้ ข้อนี้เป็นญาณ ฯ พระอริยสาวกนั้น เมื่อเห็น โดยประการมีอาทิว่า รูปไม่เที่ยง ย่อมหลุดพ้นจากความกำหนัดในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร ในวิญญาณ เราย่อมกล่าวว่า "พระอริยสาวกนี้ ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์" ดังนี้ ข้อนี้ เป็นญาณและเญยยะ ฯ ส่วนแห่งพระสูตร ในข้อว่า "สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง" ดังนี้ ชื่อว่า เญยยะ ฯในข้อว่า "เมื่อใด พระอริยสาวก ย่อมเห็นด้วยปัญญา" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า ญาณ ฯ ในข้อว่า "ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้น พระอริยสาวกนั้นย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์นั่นเป็นทางหมดจด" ดังนี้ สูตรนี้ ชื่อว่า ญาณและเญยยะ ฯ ส่วนแห่งพระสูตร ในข้อว่า "สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่าเญยยะ ฯ ในข้อว่า "เมื่่อใด ย่อมเห็นด้วยปัญญา" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า ญาณ ฯ ในข้อว่า "ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้น ย่อมเบื่อหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางหมดจด"ดังนี้ สูตรนี้ ชื่อว่า ญาณและเญยยะ ฯ ส่วนแห่งพระสูตรว่า "ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่าเญยยะ ฯ ในข้อว่า "เมื่อใดเห็นด้วยปัญญา" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่่อว่า ญาณ ฯ ในข้อว่า"ครั้นเมื่อความเป็นอย่างนั้น ย่อมเบื่่อหน่ายในทุกข์ นั่นเป็นทางแห่งความหมดจด"ดังนี้ สูตรนี้ ชื่่อว่า ญาณและเญยยะ ฯ ในโสณสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะบุตรคหบดีว่า"ดูกรโสณะ ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมเห็นว่าเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา หรือย่อมเห็นว่า เราเป็นผู้เสมอเขา หรือเห็นว่า เราเป็นผู้เลวกว่าเขา ด้วยรูปอันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่เป็นดังนี้ มิใช่เหตุอื่น เพราะการไม่เห็นตามความเป็นจริง ย่อมเห็นว่า เราเป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา ฯลฯ ด้วยเวทนาอันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ฯลฯ ด้วยสัญญา ฯลฯ ด้วยสังขาร ฯลฯ ด้วยวิญญาณ ฯลฯ อันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่เป็นดังนี้ มิใช่เหตุอื่น เพราะไม่เห็นตามความเป็นจริง"ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า เญยยะ ฯ "ดูกรโสณะ ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมไม่เห็นว่าเราเป็นผู้ประเสริฐกว่าเขา ไม่เห็นว่า เราเป็นผู้เสมอเขา หรือไม่เห็นว่าเราเลวกว่าเขา ด้วยรูปอันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ฯลฯ เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ ด้วยวิญญาณ อันไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่เป็นดังนี้มิใช่เหตุอื่น นอกจากการเห็นตามความเป็นจริง" ดังนี้ ข้อนี้ ชื่อว่า ญาณ ฯ พระสูตรนี้ชื่อว่า ญาณและเนยยะ +ทัสสนะและภาวนา |