นโม ตัสสะ ภควโต อรหโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
สารบัญ: ห้วเรื่อง, เลขข้อ | ไฟล์เดียว: html, text | [ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>

เนตติปกรณ์แปล : 2. วิจยหารวิภังค์

       [13] ในบรรดาธรรมเหล่านั้น อุปาทานขันธ์ 5 ชื่อว่า นามรูป. ในบรรดาอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านั้น หมู่ธรรมอันมีผัสสะเป็นที่ 5 ชื่อว่า นาม. อินทรีย์ 5 ที่เป็นรูป ชื่อว่า รูป. นามรูปทั้ง 2 นั้น สัมปยุตกับวิญญาณ. พระอชิตะเมื่อจะถามพระผู้มีพระภาคถึงการดับวิญญาณและนามรูปนั้น ได้กล่าวคาถาในปารายนสูตร อย่างนี้ว่า
       ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ปัญญาและสติ (ที่พระองค์ตรัสแล้ว)
       ก็ดี นามรูป (ที่นอกจาก 2 อย่างนั้น) ก็ดี ทั้งหมดนี้ย่อมดับสนิทในที่ไหน พระองค์อันข้าพระองค์ถามแล้ว ขอจงทรงตรัสบอกที่ดับนี้ (แก่ข้าพระองค์)1
       1. ขุ. สุ. 25/1043/532, ขุ. จูฬ. 30/5/34
       ในบรรดาธรรมที่กล่าวไว้ในคาถาปุจฉานั้น สติ และ ปัญญา จัดเป็นอินทรีย์ 4 สติ เป็นอินทรีย์ 2 คือ สตินทรีย์ และ สมาธินทรีย์. ปัญญา เป็นอินทรีย์ 2 คือ ปัญญินทรีย์ และ วิริยินทรีย์. ในบรรดาอินทรีย์ 4 เหล่านี้ การเชื่อผลของกรรม และความเชื่อที่หยั่งลงในพระรัตนตรัย ชื่อว่า สัทธินทรีย์ จิตเตกัคคตาที่มีศรัทธาเป็นใหญ่ ซึ่งเป็นไปในอินทรีย์เหล่านั้น ชื่อว่า ฉันทสมาธิ (สมาธิที่ทำฉันทะให้เป็นใหญ่) ฉันทสมาธินี้ ชื่อว่า วิกขัมภนปหาน เพราะเมื่อจิตตั้งมั่นแล้วก็ทำลายกิเลสทั้งหลาย โดยการข่มไว้ด้วยอำนาจการพิจารณาเนือง ๆ และด้วยอำนาจการเจริญกรรมฐาน. ในธรรมเหล่านั้น ลมหายใจออก หายใจเข้าก็ดี วิตกและวิจารก็ดี สัญญาและเวทนาก็ดี ธรรมที่โยคีบุคคลระลึกนึกถึง (โดยความเป็นกิจอย่างหนึ่ง) ก็ดี ชื่อว่า สังขาร. ฉันทสมาธิที่เรียกว่า วิกขัมภปหาน เพราะการข่มกิเลส ซึ่งกล่าวไว้ข้างต้นเช่นนั้นก็ดี วิริยสังขารเหล่านี้ก็ดี ทั้ง 2 อย่างนั้น ย่อมอบรมอิทธิบาทที่ประกอบด้วยฉันทสมาธิ และวิริยสังขาร ย่อมอบรมอิทธิบาทที่อาศัยวิเวก, อาศัยวิราคะ, อาศัยนิโรธ และแก่กล้าเพื่อประโยชน์แก่ปริจจาคโวสสัคคะและปักขันทนโวสสัคคะ.1 ในบรรดาธรรมเหล่านั้น จิตเตกัคคตา ที่มีวิริยะเป็นใหญ่ ชื่อว่า วิริยสมาธิ (สมาธิที่ทำวิริยะให้เป็นใหญ่) ... ในบรรดาธรรมเหล่านั้น จิตเตกัคตาที่มีจิตเป็นใหญ่ ชื่อว่า จิตตสมาธิ (สมาธิที่ทำจิตให้เป็นใหญ่). ในบรรดาธรรมเหล่านั้น จิตเตกัคคตาที่มีวิมังสาเป็นใหญ่ ชื่อว่า วีมังสาสมาธิ (สมาธิที่ทำวิมังสาให้เป็นใหญ่) วีมังสาสมาธินี้ ชื่อว่า วิกขัมภนปหาน เพราะเมื่อจิตตั้งมั่นแล้วก็ทำลายกิเลสทั้งหลาย โดยการข่มไว้ด้วยอำนาจการพิจารณาเนือง ๆ และด้วยอำนาจการเจริญกรรมฐาน ในธรรมเหล่านั้น ลมหายใจออก ลมหายใจเข้าก็ดี วิตกและวิจารก็ดี สัญญาและเวทนาก็ดี ธรรมที่ใยดีบุคคลระลึกนึกถึง (โดยความเป็นกิจอย่างหนึ่ง) ก็ดี ชื่อว่า สังขาร. วีมังสาสมาธิที่เรียกว่า วิกขัมภนปหาน เพราะข่มกิเลสที่กล่าวไว้ข้างต้นเช่นนั้นก็ดี สังขารเหล่านี้ก็ดี ทั้ง 2 อย่างนั้น ย่อมอบรมอิทธิบาทที่ประกอบวีมังสาสมาธิและวิริยสังขาร ย่อมอบรมอิทธิบาทที่อาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ, อาศัยนิโรธ และแก่กล้าเพื่อประโยชน์แก่ปริจาคโวสสัคคะ และปักขันทนโวสสัคคะ
       1 ในที่นี้ วิเวก มี 3 คือ ตทังควิเวก (สงบกิเลสชั่วขณะ) สมุจเฉทวิเวก (สงบกิเลสเด็ดขาด) และนิสสรณวิเวก (สงบกิเลสโดยการพ้นออกไป). วิราคะ มี 3 คือ ตทังควิราคะ (สำรอกกิเลสชั่วขณะ) สมุจเฉทวิราคะ (สำรอกกิเลสเด็ดขาด) และนิสสรณวิราคะ (สำรอกกิเลสโดยการพ้นออกไป). นิโรธมี 3 คือ ตทังคนิโรธ (ดับกิเลาชั่วขณะ) สมุจเฉนิโรธ (ดับกิเลสเด็ดขาด) และนิสสรณนิโรธ (ดับกิเลสโดยการพ้นออกไป). ปริจจาคโวสสัคคะ คือ การละกิเลสด้วย ตทังคปหานในขณะวิปัสสนา ละสมุจเฉทปหานในขณะแห่งมรรค. ปักขันทนโวสสัคคะ คือ การแล่นไปสู่นิพพานโดยการน้อมไปนิพพานในขณะวิปัสสนา และโดยการทำให้เป็นอารมณ์ในขณะแห่งมรรค
[ค้นหา] [สารบัญ] <ก่อนนี้] [ถัดไป>